ความเคลื่อนไหว ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย หลังเอาชนะ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี พร้อมขึ้นนำจ่าฝูงของกลุ่ม จี ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
เกมนี้ ไทย ได้ประตูจาก ธีรศิลป์ แดงดา และ เอกนิษฐ์ ปัญญา เก็บ 3 คะแนนสำคัญ พร้อมแซง ยูเออี ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม จี โดย ไทย มี 7 แต้มเท่ากับ เวียดนาม แต่ประตูได้เสียดีกว่า ซึ่ง อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่นของทีมชาติไทย ได้ออกมาชื่นชมความเป็นทีมเวิร์กของทีม ที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ
“ผลงานในเกมนี้ มาจากการที่นักเตะทุกคนวิ่ง และประสานงานกัน จนนำมาซึ่งผลลัพธ์แบบนี้ วันนี้เราทำได้ดีกว่ายูเออี ค่อนข้างมาก ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่า ใครเล่นได้ดีที่สุด เพราะคอนเซ็ปต์ของทีมเราคือการเล่นเป็นทีม อยากให้ทุกคนช่วยกันวิ่ง ช่วยกันยิง เราไม่ควรยึดติดกับใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน เพื่อผลลัพธ์ที่เราต้องการ”
“สำหรับเป้าหมายอีก 2 นัดที่เหลือในปีนี้ ผมจะรอให้นักเตะเสร็จสิ้นกับภารกิจจากสโมสร และหลังจากนั้นก็ปิดฤดูกาล เราจะมีเวลาพักเบรกเยอะ ก็ต้องดูความฟิต ไม่ให้เขาพักนานเกินไป และพร้อมสำหรับการแข่งขันนัดต่อไป ส่วนโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบ เราไม่อยากมองไกลเกินไป เราอยากมองแค่ทีละนัด ทั้งเกมการแข่งขัน และอุ่นเครื่อง สิ่งที่ผมพยายามขอนักเตะ และทุกคนก็เริ่มปรับตัวได้ ทุกคนอาจจะไม่ได้มีเทคนิคสูง การจะยกระดับทีมได้ทางเดียวคือทุกคนต้องช่วยกัน และทีมเวิร์กจะทำให้เราสามารถต่อกรกับทีมที่เก่งกว่าได้”
l ‘มุ้ย’ ยิงคัดบอลโลกทาบ ‘เดอะตุ๊ก’
ขณะที่ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย ที่ยิงประตูได้ในเกมนี้ ก็กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้ทำงานหนักต่อไป เพราะหากทีมไม่สามารถผ่านเข้ารอบได้ การสร้างประวัติศาสตร์ เอาชนะยูเออี ได้ในรอบหลายปี ก็ไม่มีความหมาย
“สองเกมต่อไป ก็ถือเป็นเกมสำคัญของเรา ชัยชนะนัดนี้ มันเป็นเกมหนึ่งที่สำคัญถ้าสองเกมหน้าเราไม่ชนะ แล้วไม่ผ่านเข้ารอบต่อไป เกมวันนี้ก็ไม่มีความหมาย มันยังมีเกมสำคัญอีกมาก การชนะในเกมนี้ มันเป็นความทรงจำที่ดี เป็นเกมที่ดี แต่ว่ายังมีอีกหลายเกมที่เราต้องทำงานหนักต่อไป”
ทั้งนี้ ธีรศิลป์ แดงดา ยังขึ้นแท่นอันดับ 2 ร่วม ในชาร์ตนักเตะไทย ที่ทำประตูได้สูงที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโดยยอดรวมการทำประตูของเจ้าตัวในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกเพิ่มเป็น 10 ประตู เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เทียบเท่ากับ “เดอะ ตุ๊ก”ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน กองหน้าระดับตำนานของไทย ส่วนเจ้าของสถิตินักเตะไทยที่ทำประตูมากที่สุด ยังคงเป็นของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองที่ยิงไป 14 ประตู ในรายการนี้
l ‘อุ้ม’ ติดโทษแบนชวดบู๊เสือเหลือง
ทางด้าน ธีราทร บุญมาทัน แบ๊กซ้ายคนสำคัญนั้นจะพลาดการลงสนามในเกมหน้าที่ ไทย จะบุกไปเยือน มาเลเซีย ที่สนามบูกิตจาลิล ในวันที่ 14 พ.ย. หลังโดนแบนจากการสะสมใบเหลือง ครบเกณฑ์ 2 นัด จากเกมชนะ อินโดนีเซีย 3-0 และ ยูเออี 2-1
l แฟนบอลยกเกมนี้ดีสุดรอบหลายปี
พร้อมกันนี้แฟนบอลทีมชาติไทย ต่างออกมาชื่นชมผลงานนัดนี้ของทีมชาติไทย ในโลกโซเชียล ว่านี่คือฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายปีหลัง และเป็นการชนะยักษ์ใหญ่ของเอเชียอย่าง ยูเออี ด้วยรูปเกมที่ใสสะอาดหมดจด จากฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของทีม พร้อมกับยกย่อง อากิระ นิชิโนะ กุนซือของทีม ที่พาทีมสร้างผลงานได้แบบน่าทึ่ง หลังเข้ามาคุมทัพได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น
l อันดับโลกจ่อพุ่งสูงสุดรอบ 9 ปี
ทั้งนี้จากผลงานดังกล่าวของทีมชาติไทย ในเดือนต.ค.นั้น
จะทำให้อันดับแรงค์กิ้งโลกของฟีฟ่า นั้นเขยิบขึ้นไปถึง 5 อันดับ
หลังสามารถเก็บแต้มบวกเพิ่มในรอบนี้ได้ถึง 17.8 คะแนน ซึ่งจากการเก็บคะแนนดังกล่าว นั้นคาดว่าจะทำให้ทัพ “ช้างศึก” ขยับจากอันดับ 114 ขึ้นไปอยู่ในอันดับ 109 ของโลกในทันที ซึ่งนี่จะเป็นอันดับโลกที่สูงที่สุดของไทย ในรอบ 9 ปีด้วย
สำหรับ อันดับโลกของทีมชาติไทย นับตั้งแต่ปี 2011มีดังนี้ (เป็นอันดับดีที่สุดของปีนั้นๆ) ปี 2011 อันดับ 114 ของโลก, ปี 2012 อันดับ 124ของโลก, ปี 2013 อันดับ 135 ของโลก, ปี 2014 อันดับ 140 ของโลก (ต่ำสุด),ปี 2015 อันดับ 129 ของโลก, ปี 2016 อันดับ 117ของโลก, ปี 2017 อันดับ 126 ของโลก, ปี 2018อันดับ 116 ของโลก, ปี 2019 อันดับ 114 ของโลก
ทั้งนี้ ทีมชาติไทยนั้นเคยมีอันดับโลกสูงที่สุดอยู่ที่ 43 เมื่อปี 1998 หรือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว
l รับอัดฉีดทะลุ 15 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน เวลานี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และช้าง ผู้สนับสนุนหลัก ได้มอบเงินสร้างขวัญกำลังให้ทัพ “ช้างศึก” ทะลุ 15 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็นสมาคมกีฬาฟุตบอลลูกละ 1 ล้านบาท และเครื่องดื่มตราช้าง ลูกละ2 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นประตูละ 3 ล้านบาท โดยไทยที่เอาชนะยูเออี 2-1 นั้น ทำให้พวกเขาได้รับเงินทันที 6 ล้านบาท ส่วนเกมบุกชนะอินโดนีเซีย 3-0 ได้ไป 9 ล้านบาท ซึ่งเงินทุกบาทถูกโอนเข้าบัญชีบรรดานักเตะและทีมงานโค้ชตามสัดส่วนเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับ โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสองกลุ่มจี ของทีมชาติไทยนัดที่เหลือ มีดังนี้ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 (เยือน) พบกับ มาเลเซีย,วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 (เยือน) พบกับ เวียดนาม, วันที่ 26 มีนาคม 2563 (เหย้า) พบกับอินโดนีเซีย, วันที่ 4 มิถุนายน 2563 (เยือน) พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, วันที่ 9 มิถุนายน 2563 (เหย้า) พบกับ มาเลเซีย
